5 ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นในการสรรหาคัดเลือกพนักงานใหม่
สำหรับการสรรหาคัดเลือกพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ หรือผู้สมัครที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว ในแต่ละองค์กรก็จะมีวิธีการสรรหา และคัดเลือกที่คล้ายๆ กัน คือ ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถ และมีศักยภาพ รวมทั้งมีความเหมาะสมกับองค์กร โดยการหาพนักงานให้ได้ตามคุณสมบัติที่แต่ละองค์กรต้องการนั้น ก็มีสิ่งที่ควรพึงระวังเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้วอาจไม่ได้คนที่มีคุณสมบัติอย่างที่ต้องการ หรืออยากได้ก็เป็นได้ ซึ่งคุณสมบัติที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย!
1. ใช้เกรดเฉลี่ยที่จบการศึกษาของผู้สมัครเป็นเกณฑ์
บางองค์กรมีการกำหนดเกรดเฉลี่ยของผู้สมัครจะต้องไม่ต่ำกว่ากำหนด หรือผู้สัมภาษณ์งานบางคน ก็พิจารณาจากเกรดเฉลี่ยของผู้สมัครเป็นเกณฑ์หลักเลยก็มี แม้ว่าผู้สมัครคนนั้นเคยผ่านงานมาแล้ว และมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าสิบปี แต่ก็ไม่ยังถูกวัดด้วยเกรดเฉลี่ยจนได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วในการทำงาน เกรดเฉลี่ยอาจวัดไม่ได้ขนาดนั้น มันเป็นแค่เครื่องมือในการพิสูจน์ว่า ผู้สมัครคนนี้เรียนเก่ง ได้เกรดดีเท่านั้น ส่วนเรื่องผลงานจะดี หรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่เกรด หรือแม้แต่จะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดเฉลี่ยด้วยเช่นกัน
2. ใช้สถาบันเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก
HR ที่ทำหน้าที่คัดเลือกผู้สมัครในบางองค์กร ก็มีความเชื่อเรื่องของสถาบันการศึกษามากว่า ใครที่จบจากสถาบันนั้น หรือมหาวิทยาลัยรัฐนี้ จะมีความสามารถมากกว่า เก่งกว่า หรือมีศักยภาพมากกว่า ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องสถาบันก็ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์อีกเหมือนกันว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
3. พิจารณาที่ความรู้และทักษะมากเกินไป
ปกติแล้วการคัดเลือกพนักงานใหม่ ผู้สัมภาษณ์งาน ก็มักจะพิจารณาจากความรู้ ทักษะ และความสามารถของผู้สมัครเป็นเกณฑ์ แต่ลืมดูเรื่องความเหมาะสมกับองค์กรไป บางคนเก่งมาก แต่กลับไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรเลยก็มี พอเลือกเข้ามา ก็ทำงานร่วมกันไม่ได้นาน เพราะแนวทางในการทำงานของผู้สมัครกับวัฒนธรรมขององค์กรไปด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นก็ควรจะพิจารณาว่า คนๆ นี้ เหมาะที่จะทำงานในองค์กร หรือเหมาะสมกับวัฒณธรรมองค์กรนี้หรือไม่ด้วย
4. พิจารณาจากประวัติการทำงานที่ดูดี
นอกจากการส่งผลงาน หรือ Portfolio แล้ว ผู้สมัครงานก็มักจะต้องเขียนจดหมายสมัครงาน และประวัติการทำงานที่ดี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรที่ไปสมัครงานด้วย และส่วนใหญ่ HR ก็มักจะให้ความสำคัญกับ Resume ที่ดูดี เตะตา ยิ่งไปกว่านั้น ก็เชื่อข้อความที่เขียนในนั้น โดยไม่มีการโทรไปสอบถาม หรือหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ว่าผู้สมัครเป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือ ยิ่งประวัติดูดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องสอบถาม หรือโทรไปเช็คข้อมูลจากที่ทำงานเก่า ว่าเป็นอย่างที่เขียนมาจริงๆ หรือไม่ เพราะมีหลายบริษัทที่หาคนได้ไม่เหมาะสมเพราะพลาดในจุดนี้ด้วย
5. พิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครให้เหมาะกับงานที่เปิดรับจริงๆ
บางกรณีมีผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติดีมาก เพียบพร้อม และเป็นคุณสมบัติที่เหนือกว่าที่องค์กรต้องการจริงๆ ซึ่งทำให้ HR อยากได้ผู้สมัครคนนี้เข้ามาทำงาน โดยคิดไปก่อนแล้วว่าคุณสมบัติที่เหนือกว่าที่ต้องการนั้น จะทำให้คนๆ นั้นทำงานได้ดี และสามารถใส่ความรับผิดชอบให้มากขึ้นไปได้อีก โดยเฉพาะถ้าอนาคตมีงานที่ผู้สมัครคนนั้นทำเป็น ก็ยิ่งดีใหญ่ แต่การเลือกผู้สมัครแบบนี้ จะทำให้เราได้พนักงานที่มีคุณสมบัติสูงเกินไปกว่าที่เราต้องการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานที่เล็กกว่าคุณสมบัติของเขา หรือความคาดหวังเรื่องเงินเดือนที่สูงกว่าที่เรากำหนดในตำแหน่งงานที่เราต้องการ
ทั้ง 5 สาเหตุนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้การคัดเลือก หรือสรรหาพนักงานใหม่ที่จะเข้ามาทำงานกับองค์กรมีปัญหาตามมามากมาย ทั้งทางด้านผลงาน ทัศคติส่วนตัว หรือการปรับตัวเข้ากับองค์กร ดังนั้นแล้ว จึงควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกผู้สมัครให้มาก เพราะมันเป็นหนึ่งในต้นทางความสำเร็จของการบริหารคน และการขับเคลื่อนองค์กรต่อไปในระยะยาวอีกด้วย
ติดตาม Daywork ได้ที่ช่องทาง
Facebook : www.facebook.com/daywork.th
Website : www.daywork.co
Linkedin : www.linkedin.com/company/daywork-thailand
Blockdit : www.blockdit.com/dayworkthailand
