ทำไมการจ้างงานพาร์ทไทม์ในช่วงหลังโควิดถึงมีความเสี่ยงน้อย ?
24 กรกฎาคม 2020
- หัวข้อหลัก -
-
มีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลา
-
พนักงานพาร์ทไทม์สามารถวัดผลการทำงานได้แบบวันต่อวัน
-
โดยปกติไม่มีการปรับเงินเดือน
-
ไม่จำเป็นต้องมีสวัสดิการเทียบเท่ากับพนักงานประจำ
-
ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินชดเชยในการเลิกจ้างกระทันหัน
-
สะดวกกว่าการจ้างงานแรงงานต่างด้าว
จากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้บริษัทต่างๆต้องคุมงบประมาณ ทำให้ต้องลดหรือปลดพนักงานออกจำนวนมาก ถึงแม้เปอร์เซ็นต์การว่างงานจะสูงขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าตลาดการจ้างงานจะได้รับผลกระทบในเชิงลบไปทั้งหมด เพราะในความจริงแล้ว มีการจ้างงานในอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาด นั่นคือ การจ้างงานแบบพาร์ทไทม์ ซึ่งหลายๆบริษัทมีความต้องการแรงงานที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม และในด้านของแรงงานเอง ก็มีความสนใจงานที่มีความอิสระมากกว่างานประจำแบบเดิมๆ การจ้างงานแบบพาร์ทไทม์ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และลดความเสี่ยงให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง ลองไปดูกัน
1.มีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลา
แม้ในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการก็ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ การวางแผนทางธุรกิจในระยะสั้นอาจจะส่งผลดีกว่า รวมถึงการปรับลดอัตราการจ้างงานให้ยืดหยุ่นได้ การจ้างงานแบบพาร์ทไทม์จึงเป็นอีกตัวเลือกนึงที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการจ้างงานชั่วคราว ผู้ประกอบการสามารถเลือกจ้างงานในแบบรายวัน หรือรายชั่วโมงได้ตามความต้องการ
2.พนักงานพาร์ทไทม์สามารถวัดผลการทำงานได้แบบวันต่อวัน
การจ้างงานพนักงานประจำ จะมีการพิจารณาวัดผลงานในระยะยาว เป็นรายเดือนหรือรายปี แต่การจ้างงานพาร์ทไทม์นั้น ผู้ประกอบการสามารถกำหนดเป้าหมายการทำงานในแต่ละวัน และวัดผลแบบรายวันได้ หากไม่พอใจในการทำงานของพนักงาน หรือพนักงานทำงานได้ไม่ตรงตามเป้าหมาย ก็สามารถพิจารณาเลิกจ้างและหาคนมาทดแทนได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียโอกาสทางธุรกิจ
3.โดยปกติไม่มีการปรับเงินเดือน
การจ้างงานพาร์ทไทม์นั้นมีการระบุอัตราค่าจ้างของพนักงานเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน ไม่จำเป็นต้องมีการขึ้นเงินเดือนหรือค่าจ้างก็ได้ หรือหากมีการทำงานล่วงเวลาผู้ประกอบการก็สามารถกำหนดอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงได้ในการตกลงกันตั้งแต่เริ่มทำงาน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถคุมงบประมาณและวางแผนในการดำเนินกิจการได้ค่อนข้างแน่นอน
4.ไม่จำเป็นต้องมีสวัสดิการเทียบเท่ากับพนักงานประจำ
การจ้างงานแบบประจำจะต้องมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ไว้อย่างแน่นอนตามที่กฏหมายกำหนด เช่น เงินประกันสังคม สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าคลอดบุตร ค่าจัดงานกรณีเสียชีวิต ค่าใช้จ่ายยามเกษียณ หรือโบนัสจากผลประกอบการต่างๆ แต่การจ้างงานพาร์ทไทม์ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ก็ได้ แต่จะมีในเรื่องของการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% และสิทธิการลาป่วยหรือลากิจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถกำหนดสวัสดิการต่างๆได้อย่างอิสระตามที่ตกลงกับพนักงานได้เลย
5.ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินชดเชยในการเลิกจ้างกระทันหัน
หากต้องมีการเลิกจ้างพนักงานประจำ ผู้ประกอบการอาจจะต้องเสียเงินชดเชยในการเลิกจ้างจำนวนมาก เช่น พนักงานที่มีอายุงานครบ 1 ปี ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน เลยทีเดียว แต่การจ้างงานพาร์ทไทม์นั้นไม่มีการจ่ายเงินชดเชยในส่วนนี้
6.สะดวกกว่าการจ้างงานแรงงานต่างด้าว
ถึงแม้การจ้างแรงงานต่างด้าวจะมีค่าแรงที่ถูก แต่ผู้ประกอบการก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายและมีความยุ่งยากในเรื่องเอกสารการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย และยังต้องมีค่าธรรมเนียมในการต่ออายุงานอีกด้วย ซึ่งการจ้างงานแบบพาร์ทไทม์นั้นไม่มีความยุ่งยากในส่วนนี้เลย ผู้ประกอบการเพียงแค่ขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนจากผู้ถูกจ้างก็เพียงพอแล้ว
จากการรวบรวมสถิติของ บริษัท เดย์เวิร์ค(ประเทศไทย) จำกัด ที่มีระบบจัดการข้อมูลการจ้างงานพาร์ทไทม์ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - มิถุนายน 2563 ที่เป็นช่วงตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีแรงงานที่ต้องการหางานเข้ามาในระบบมากกว่า 5,000 คน/เดือน เลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้มีแรงงานในระบบแล้วกว่า 80,000 คน และมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลเรื่องการหาพนักงานยาก นอกจากนี้การใช้บริการกับบริษัทจัดหาพนักงานพาร์ทไทม์ยังช่วยลดภาระในเรื่องการประกาศหาพนักงาน หรืองานเอกสารการจ้างงาน การจ่ายเงินค่าจ้างพนักงาน และยังสามารถเปลี่ยน เพิ่ม หรือลดพนักงานได้ตามความต้องการอีกด้วย
www.daywork.co
#Daywork #จ้างงาน #พาร์ทไทม์ #บริษัทจัดหาพนักงานพาร์ทไทม์
ติดตามข่าวสารของเราได้ที่
Facebook: daywork.th
LINE: @daywork
Twitter: @DayworkOfficial
