นายจ้าง ผู้จ้าง ผู้ว่าจ้าง ลูกจ้าง และผู้รับจ้าง ต่างกันอย่างไร? รวมทุกสิ่งที่ควรรู้เพื่อเข้าใจหน้าที่ของแต่ละบทบาท
เมื่อพูดถึงโลกการทำงาน คำว่า “นายจ้าง” “ผู้จ้าง” “ผู้ว่าจ้าง” “ลูกจ้าง” และ “ผู้รับจ้าง” ล้วนเป็นคำที่เราพบเจออยู่เสมอ แต่ทราบหรือไม่ว่าทุกคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกัน? การทำความเข้าใจคำเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้การสื่อสารกับบุคคลในสถานการณ์การทำงานชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในทุกสถานการณ์การทำงานได้อีกด้วย มาดูกันว่าแต่ละคำนี้หมายถึงอะไรและบทบาทใดที่คุณอาจมีอยู่!
4 รวมบทบาทสำคัญในองค์กร
- 1. นายจ้าง (Employer)
- 2. ผู้จ้าง (Hirer)
- 3. ผู้ว่าจ้าง (Client/Contractor)
- 4. ลูกจ้าง (Employee)
- 5. ผู้รับจ้าง (Freelancer/Independent Contractor)
1. นายจ้าง (Employer)
นายจ้าง คือนักลงทุนแห่งทรัพยากรบุคคล! บุคคลหรือองค์กรที่ทำหน้าที่จ้างพนักงานเข้ามาเพื่อร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ โดยมีหน้าที่ในการกำหนดงาน ควบคุมการทำงาน และดูแลลูกจ้างให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม ซึ่งนายจ้างอาจเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดา บริษัทขนาดเล็ก ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการจ้างงานครอบคลุมหลายแผนกและหลากหลายตำแหน่ง
บทบาทสำคัญของนายจ้าง:
- มอบหมายงานและกำกับดูแล: กำหนดหน้าที่และขอบเขตการทำงานของลูกจ้างให้ชัดเจน
- เสนอค่าตอบแทนและสวัสดิการ: เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ
2. ผู้จ้าง (Hirer)
ผู้จ้าง ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีการจ้างงานเป็นครั้งคราวหรือการจ้างงานระยะสั้น บุคคลนี้อาจไม่ได้ทำสัญญาการจ้างงานอย่างเป็นทางการเหมือนนายจ้าง แต่เป็นการตกลงที่เน้นความยืดหยุ่น เช่น การจ้างช่างมาทำงานเฉพาะกิจหรือนักศึกษามาช่วยงานในช่วงเวลาหนึ่ง
บทบาทหลักของผู้จ้าง:
- กำหนดเงื่อนไขการทำงานชั่วคราว: เลือกใช้ทรัพยากรตามความจำเป็นในเวลาที่ต้องการ
- เสนอค่าตอบแทนที่ยืดหยุ่น: เน้นความยืดหยุ่นในการจ่ายค่าตอบแทนตามความเหมาะสม
3. ผู้ว่าจ้าง (Client/Contractor)
ผู้ว่าจ้าง คือบุคคลที่ใช้การจ้างงานตามสัญญาที่มีขอบเขตงานชัดเจนและระยะเวลาที่กำหนด เช่น การว่าจ้างเอเจนซี่เพื่อออกแบบโฆษณาหรือว่าจ้างบริษัทก่อสร้างสร้างบ้าน ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดเป้าหมายและคอยติดตามผลงานตามข้อตกลงที่วางไว้
บทบาทของผู้ว่าจ้าง:
- กำหนดขอบเขตของโปรเจกต์: ให้ความชัดเจนในเป้าหมายและรายละเอียดงาน
- ติดตามผลและควบคุมคุณภาพ: เพื่อให้โปรเจกต์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
4. ลูกจ้าง (Employee)
ลูกจ้าง คือผู้ที่ทำงานภายใต้การควบคุมและดูแลของนายจ้าง ทำหน้าที่หลักในการปฏิบัติงานตามขอบเขตที่ได้รับมอบหมายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม พวกเขาคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ลูกจ้างยังได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่ตกลงไว้ในสัญญาจ้าง
บทบาทของลูกจ้าง:
- ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย: เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดองค์กร: รักษามาตรฐานและกฎระเบียบขององค์กร
5. ผู้รับจ้าง (Freelancer/Independent Contractor)
ผู้รับจ้าง หรือฟรีแลนซ์ คือผู้ที่ให้บริการตามข้อตกลงเป็นงาน ๆ หรือโปรเจกต์ใดโปรเจกต์หนึ่ง ไม่ได้ผูกพันกับองค์กรในระยะยาว ผู้รับจ้างมีอิสระในการทำงานและสามารถเลือกวิธีการทำงานของตนเอง โดยค่าตอบแทนจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของงานที่ทำเสร็จสมบูรณ์
บทบาทของผู้รับจ้าง:
- ทำงานให้เสร็จตามที่กำหนด: ส่งมอบงานตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
- จัดการเวลาของตนเอง: มีอิสระในการกำหนดเวลาทำงานอย่างยืดหยุ่น
การทำความเข้าใจบทบาทของคำอย่าง นายจ้าง ผู้จ้าง ผู้ว่าจ้าง ลูกจ้าง และ ผู้รับจ้าง เป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแค่ทำให้เราเลือกใช้คำได้ถูกต้องตามบริบทเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจขอบเขตความรับผิดชอบและความคาดหวังในงานที่มีต่อกันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น การมีความเข้าใจที่ชัดเจนในแต่ละบทบาททำให้การเจรจางานราบรื่นมากขึ้น เพราะทุกฝ่ายรู้ว่าอะไรเป็นหน้าที่ของตัวเอง สิ่งใดที่คาดหวังได้จากอีกฝ่าย และควรจะทำอย่างไรเมื่อมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งเกิดขึ้น
ประโยชน์ของความเข้าใจบทบาทในการเจรจาจ้างงาน
- การสื่อสารที่ชัดเจนและลดความเข้าใจผิด: เมื่อทุกฝ่ายรู้หน้าที่ของตนเอง จะทำให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ลดปัญหาความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าใจผิดหรือข้อตกลงที่ไม่ชัดเจน เช่น นายจ้างสามารถอธิบายงานและความคาดหวังให้ลูกจ้างเข้าใจได้ง่ายขึ้น ผู้รับจ้างก็รู้ว่าสิ่งใดที่ผู้ว่าจ้างต้องการและสามารถส่งมอบผลงานให้ตรงตามที่ตกลงกันไว้ได้
- การป้องกันข้อขัดแย้งในข้อตกลง: ความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับบทบาทและขอบเขตหน้าที่ของแต่ละฝ่ายสามารถช่วยป้องกันข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ตัวอย่างเช่น หากผู้ว่าจ้างเข้าใจขอบเขตและวิธีการทำงานของผู้รับจ้าง เขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของผู้รับจ้างจนเกินไป ทำให้ผู้รับจ้างสามารถทำงานได้อย่างอิสระตามความถนัดและความชำนาญ
- การสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจในความสัมพันธ์การทำงาน: เมื่อแต่ละฝ่ายมีความเข้าใจที่ถูกต้องและมีการปฏิบัติตามบทบาทของตนเองอย่างเหมาะสม จะช่วยสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจในความสัมพันธ์การทำงาน ทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกมั่นใจในความชัดเจนของข้อตกลงและเป้าหมายของงานที่ต้องการบรรลุ
ผลลัพธ์ที่ดีจากการเข้าใจบทบาทการจ้างงานอย่างชัดเจน
- การทำงานที่เป็นระเบียบและราบรื่น: เมื่อทุกคนรู้หน้าที่และเป้าหมายของตนเองชัดเจน การทำงานก็จะเป็นระบบ ไม่ซ้ำซ้อน และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาด
- การสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีและเป็นมืออาชีพ: การรู้บทบาทและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเป็นสัญญาณของการทำงานอย่างมืออาชีพ ที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความพึงพอใจและได้รับประสบการณ์ที่ดีในการร่วมงาน
ในท้ายที่สุด การทำความเข้าใจบทบาทในทุกคำนี้จึงมีประโยชน์มากกว่าการเลือกใช้คำให้ถูกต้อง แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานในทุกด้านเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งในด้านการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และความสัมพันธ์ที่ยาวนาน
ติดตาม Daywork ได้ที่ช่องทาง
Facebook : www.facebook.com/daywork.th
Website : www.daywork.co
Linkedin : www.linkedin.com/company/daywork-thailand
Tiktok: www.tiktok.com/@dayworkth
