วางแผนการเงิน ออมเงิน สำหรับเด็กจบใหม่ รายได้น้อย ก็เก็บเงินอยู่!

24 April 2023
เชื่อว่า “เงินเก็บ” เป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนทุกคน วางเป้าหมายเอาไว้ เพื่ออยากนำไปใช้ในอนาคตยามเกษียณ โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่อยากจะสร้างเนื้อสร้างตัว ออมเงิน วางแผนให้ตัวเองมีเงินเก็บ และใช้เงินได้อย่างไม่เดือดร้อนใคร ซึ่งการได้เงินเดือนที่อาจจะไม่ได้เยอะมาก ก็ไม่ใช่ปัญหา หรือเป็นตัวตัดสินว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถ้าหากมีการวางแผนการเงินที่ดี และถูกต้อง รวมทั้งมีความมุ่งมั่น ตั้งใจว่าจะต้องเก็บเงินให้ได้ ไม่ว่าจะมีรายได้มาก หรือน้อยแค่ไหน ยังไงก็เก็บเงินอยู่!
และสำหรับใครที่อยากจะมีเงินใช้ไปตลอดชีพอย่างไม่ขัดสน ลองมาฝึกวินัย และปรับพฤติกรรมการเงินกันใหม่ ผ่านเคล็ดลับดีๆ กับวิธีการที่ Daywork ได้นำมาฝากกันตามนี้ได้เลย!
แยกเงินเก็บ และเงินใช้ออกจากกัน
เมื่อเงินเดือนออก หลายๆ คนมักตั้งเป้าหมายว่าจะใช้เงินเหล่านี้ทีละน้อยๆ แล้วสิ้นเดือนค่อยนำเงินที่เหลือมาเก็บออม แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีนี้ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเรามักจะตามใจตัวเองเสมอ เผลอใช้เงินเกินกว่าที่ตั้งเป้ากันเอาไว้จนหมด เพราะฉะนั้นวิธีเก็บเงินที่ได้ผลที่สุดก็คือ แยกเงินเก็บและเงินที่ใช้ออกจากกัน ตั้งแต่แรก เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอนำเงินเก็บไปใช้ปะปนกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยควรเก็บอย่างน้อย 10-15% ของเงินเดือน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเก็บเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังสร้างวินัยในการใช้จ่ายที่ดีให้กับตัวเราเองอีกด้วย
ไม่รีบมีหนี้ ก่อนอายุ 30 ปี
เพราะการมีภาระหนี้ผูกพันขณะที่รายได้ยังไม่มาก ทำให้ทัศนวิสัยทางการเงินสั้น และลดโอกาสในวางแผนการเงินอื่นๆ ที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะกับหนี้บริโภค อาทิ หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล พยายามอย่าให้มีหนี้คงค้างเด็ดขาด เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงมาก และดอกเบี้ยพวกนี้ก็จะทำให้การเงินของเราเติบโตได้ช้าลง สำหรับหนี้บ้าน หรือหนี้รถ ควรดูก่อนว่าเราพร้อมจริงๆ ไหม เพราะหากยังไม่พร้อม มันคือการเป็นหนี้ไปอีกในระยะเวลาหลายปี แนะนำให้คิดให้ดี และแน่ใจก่อนว่ามันจำเป็นจริงๆ หรือไม่ จากนั้นค่อยตัดสินใจ
เปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน
หากเราปลี่ยนนิสัยการใช้เงินให้เพียงพอกับจำนวนเงินต่อวัน ตัวอย่างเช่น งดทานกาแฟราคาแพงๆ แล้วไปชงกาแฟดื่มที่ออฟฟิศ ซึ่งมีบริการฟรีแทน ถึงแม้ว่าจะต้องเสียแรง เสียเวลาชงเอง แต่เราไม่เสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว แถมยังมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นในแต่ละวันได้อีกด้วย หรืออีกทางหนึ่งที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่ทำอาหารทานเองที่บ้านอยู่เป็นประจำ คือห่อกล่องข้าวกลางวันไปทานที่ออฟฟิศ ก็จะช่วยประหยัดเงินรายวันของเราไปได้อีกหลายบาทเลยทีเดียว
คิดให้นานก่อนซื้อ
การซื้อของฟุ่มเฟื่อย เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หรือนาฬิกา หากเราปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ เงินเก็บของเราก็จะหมดไปกับสิ่งของเหล่านี้ และไม่ใช่แค่เงินเก็บเท่านั้น เงินที่จะนำไปใช้จ่ายรายวันก็อาจจะไม่เหลือด้วยเช่นกัน และอย่าลืมว่าเมื่อเราหันไปพึ่งพาบัตรเครดิต จนก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา เพราะว่าไม่มีเงินมากพอที่จะไปชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวน ต้องเลือกจ่ายเพียงขั้นต่ำ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาดอกเบี้ยพอกพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบต่อไปอีก
คำนวณค่าใช้จ่าย ที่จำเป็นต้องใช้ยามเกษียณ
ลองวางแผนค่าใช้จ่ายในยามเกษียณของตัวเองคร่าวๆ โดยประเมินจากไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองออกแบบไว้ ให้ครอบคลุมทั้งค่ากินอยู่ ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายส่วนตัว แล้วอ้างอิงจากสมการ “จำนวนเงินที่ควรมีเมื่อเกษียณ = ค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเกษียณ x จำนวนปีที่จะใช้ชีวิตในช่วงเกษียณ” เช่น ถ้าเราประเมินว่าจะมีค่าใช้จ่ายต่อปีที่ 200,000 บาท แล้วจะใช้ชีวิตในช่วงเกษียณ 20 ปี เท่ากับว่า เราควรมีเงินเก็บราว 4,000,000 บาท
รู้จักลงทุนให้เงินออมงอกเงย
การจะออมเงินให้งอกเงยนั้น แค่ฝากเงินในบัญชีธนาคารอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าดึงดูดเท่าไร เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ถ้าเราอยากมีเงินตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็อาจต้องมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก นั่นคือการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งถ้าใครนึกไม่ออกว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนดี ก็อาจจะเริ่มต้นลงทุนผ่านกองทุนผสมที่มีหลากหลายสินทรัพย์ สามารถลงทุนได้ทุกสถานการณ์ แถมมีความเสี่ยงไม่มาก แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนงอกเงยได้ดี ด้วยพลังดอกเบี้ยทบต้น กับการนำดอกเบี้ยที่ได้มาลงทุนทบต้นต่อไปเรื่อยๆ สะสมกำไร จนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้มากขึ้นนั่นเอง
อาศัยอยู่บ้านกับพ่อแม่ไปก่อน
ถ้าไม่ลำบากในการเดินทางมากนัก ก็ไม่ควรเช่าอพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโดมิเนี่ยม ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายประจำเดือน การอยู่บ้านพ่อแม่หลังเรียนจบไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเสียหาย เพราะวัฒนธรรมเราต่างจากฝรั่งอย่างชาวอเมริกัน สังคมไทยเป็นสังคมครอบครัวใหญ่ การอยู่รวมกันนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแล้ว ยังสร้างความอบอุ่น เชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัว และทำให้เราได้มีโอกาสดูแลท่านอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ตั้งเป้าหมายการออมเงินให้ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เรามีจิตใจที่มุ่งมั่น และมีระเบียบวินัยในการออมเงิน ส่งผลให้เรากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการเงิน โดยเป้าหมายการออมนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นระยะสั้น และระยะยาว หรือตามแต่ละวัตถุประสงค์ เช่น เงื่อนไขเรื่องเวลา และถ้าหากตั้งใจไว้ว่าจะออมเงินให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาหนึ่งปี ก็จะทำให้เรามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ และทำให้ประสิทธิภาพในการออมเงินสูงขึ้นตามความมุ่งมั่น รวมถึงยังเป็นการสร้างนิสัยรักการออมเงินให้กับตัวเองได้มากกว่าที่คิด
Daywork อยากให้ทุกคนจำไว้ว่าการออมเงิน เปรียบเหมือนการมีทุนทรัพย์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอน โดยข้อดีของการออมเงินนั้นคือ การป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหากเราออมเงิน ก็จะช่วยให้มีเงินเก็บสะสมเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการฝึกนิสัยรักการออม และรู้จักวางแผนการเงิน เตรียมความพร้อม สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่เพิ่งมีเงินเดือน ก็สามารถเก็บหอมรอมริบ มีเงินก้อนโตได้ไม่ยาก
ติดตาม Daywork ได้ที่ช่องทาง
Facebook : www.facebook.com/daywork.th
Website : www.daywork.co
Linkedin : www.linkedin.com/company/daywork-thailand
Blockdit : www.blockdit.com/dayworkthailand