10 วิธีลดค่าไฟ ประหยัดค่าใช้จ่ายแบบได้ผลจริง

08 May 2023
แน่นอนว่าเมื่อเข้าหน้าร้อนทีไร หลายๆ บ้านมักจะเป็นกังวลเรื่องค่าไฟแพงทุกที ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก ก็ไม่แปลกที่จะทำให้หลายๆ คน หันมาหาวิธีลดค่าไฟ เพราะจะได้เป็นการประหยัดเงิน เพื่อเอาเงินไปใช้ในค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ในบ้านแทน และเพื่อให้ทุกคนได้ประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องเป็นกังวลว่าในแต่ละเดือนค่าไฟจะพุ่งแรงแค่ไหน Daywork ก็ได้รวบรวม 10 วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่สามารถทำตามได้ง่าย แถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดี มาแชร์กัน ซึ่งจะต้องทำยังไงบ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
10 วิธีลดค่าไฟ ประหนัดค่าใช้จ่ายแบบได้ผลจริง
- ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อ และใช้หลอดไฟ
- เปลี่ยนมาใช้ Smart Home ระบบบ้านอัจฉริยะ
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ออกให้หมด
- จัดระเบียบตู้เย็น
- การปรับอุณหภูมิของน้ำในเครื่องซักผ้า
- ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ
- เปิดม่านรับแสงธรรมชาติ
- ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นประจำ
- หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
- เปลี่ยนเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นแบบประหยัดพลังงาน
1. ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อ และใช้หลอดไฟ
วิธีประหยัดไฟฟ้าอีกหนึ่งอย่าง คือ การเลือกใช้หลอดไฟที่ช่วยประหยัดไฟ ซึ่งหลอดไฟที่ประหยัด และคุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน คือ หลอดไฟแอลอีดี (LED) เพราะสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบอื่น ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่มากกว่าหลอดไฟแบบหลอดไส้ถึง 15 เท่า นอกจากนี้หลอดไฟแอลอีดี (LED) ยังปลอดภัยต่อผิว และให้แสงสว่างที่ชัดเจนอีกด้วย
2. เปลี่ยนมาใช้ Smart Home ระบบบ้านอัจฉริยะ
ในยุคนี้ที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมาย ทำให้มีนวัตกรรมต่างๆ ให้เลือกใช้งานมากขึ้น รวมถึงระบบ Smart Home ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบ้าน หรือที่เรียกกันว่าระบบบ้านอัจฉริยะ เป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการให้บ้านเป็นมากกว่าที่พักอาศัย แต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครบทุกรูปแบบ ด้วยนวัตกรรมที่สามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ผ่านแอพพลิเคชัน ถึงแม้เจ้าของบ้านจะไม่อยู่บ้าน ก็สามารถควบคุมปิด-เปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ในกรณีที่ลืมปิด หรือนวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงาน ที่ระบบสามารถตั้งค่าให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หยุดทำงาน เมื่อไม่พบคนอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งถือว่าเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าได้ดีเลยทีเดียว
3. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ออกให้หมด
เชื่อว่ามีหลายบ้านที่ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ไม่ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก เพื่อเป็นการประหยัดไฟฟ้า ควรย้ำกับตัวเองบ่อยๆ และฝึกจนติดเป็นนิสัย ทุกครั้งที่ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรตามมาด้วยการถอดปลั๊กออกเสมอ ยิ่งถ้าใครอยู่ในช่วงของการที่จะต้องทำงานที่บ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ย่อมถูกใช้งานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า พัดลม เป็นต้น ซึ่งเราแทบจะไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวไหนบ้างที่กินไฟสูง ยิ่งถ้าไม่ถอดปลั๊กออก ก็จะยิ่งเพิ่มค่าไฟโดยไม่จำเป็นได้
4. จัดระเบียบตู้เย็น
ยิ่งอากาศร้อน ตู้เย็นยิ่งทำงานหนัก และทำให้กินไฟมากที่สุดในบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งการจัดการกับตู้เย็นก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีการช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ โดยการวางตู้เย็นในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และไม่ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งความร้อน เพื่อไม่ให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น ให้หมั่นละลายน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ และปรับตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับปริมาณของที่แช่ในตู้เย็น รวมถึงจัดระเบียบตู้เย็น ไม่ยัดของใส่เยอะจนเดินไป และการเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ หรือเปิดทิ้งไว้นานเกินความจำเป็น ก็ทำให้เปลืองไฟได้เช่นกัน
5. การปรับอุณหภูมิของน้ำในเครื่องซักผ้า
การซักผ้าที่เป็นกิจวัตรประจำวันนั้น เป็นหนึ่งในวิธีลดค่าไฟที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ปรับระดับอุณหภูมิของน้ำในเครื่องซักผ้าให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าของเราเพราะหากเราเลือกอุณหภูมิได้เหมาะสม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ฝังบนผ้าได้อย่างล้ำลึก ช่วยป้องกันการทำลายเนื้อผ้า ทำให้ยืดอายุการใช้งานชุดโปรดของเราให้ใช้งานได้นานขึ้น และยังช่วยประหยัดพลังงานจากการที่เครื่องซักผ้าไม่ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็นอีกด้วย
6. ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ
ยิ่งในช่วงหน้าฝน หรือหน้าหนาว ที่อากาศภายนอกเย็นสบาย การตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติจะทำให้ลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ และช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย เช่น ตั้งเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศให้ทำงานอัตโนมัติในช่วงเวลาที่คุณนอนหลับตอนกลางคืน และตั้งเวลาปิดในช่วงเช้าที่คุณกำลังจะตื่น หรือช่วงเช้ามืดที่อากาศกำลังเย็นสบาย ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณนอนหลับสบายได้ถึงเช้า และยังเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าได้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวันด้วย
7. เปิดม่านรับแสงธรรมชาติ
นอกจากแสงแดดจะช่วยให้บ้านสว่างอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ในเวลากลางวันที่แสงแดดสามารถส่องถึงภายในบ้าน การเปิดผ้าม่านรับแสงจะช่วยประหยัดไฟได้ ทั้งยังเป็นการเปิดรับลมเย็นๆ เข้ามาภายในตัวบ้าน ทำให้ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา รวมถึงไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฟ้าทั้งหลัง ซึ่งเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ และเห็นผลจริง
8. ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นประจำ
อย่าละเลยการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า เพราะจะทำให้รู้ถึงจำนวนไฟที่ใช้ไปในแต่ละรอบเดือนว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลงเท่าไหร่ ซึ่งช่วยในเรื่องการวางแผนประหยัดไฟได้ดี และที่สำคัญควรหมั่นตรวจเช็คสภาพของมิเตอร์อยู่เสมอ เพราะหลายครั้งที่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น อาจมาจากการที่มิเตอร์มีความผิดปกติ ชำรุด หรือเสียหาย เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้ทันที และช่วยลดปัญหาค่าไฟสูงเกินจำเป็น จึงควรตรวจเช็คมิเตอร์ไฟอย่างสม่ำเสมอ
9. หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องดูดฝุ่น เมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วไม่ได้มีการทำความสะอาด หรือดูแลอย่างเหมาะสม นอกจากจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น และส่งผลต่อค่าไฟฟ้าเช่นกัน
10. เปลี่ยนเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นแบบประหยัดพลังงาน
เครื่องทำน้ำอุ่นได้กลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีใช้กันแทบทุกบ้าน เพราะมีประโยชน์อย่างมากในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น ทำให้ไม่ต้องทนอาบน้ำเย็นอีกต่อไป แต่เครื่องปรับน้ำอุ่นบางชนิดก็สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ดังนั้น การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น จึงควรเลือกให้มีขนาดเหมาะสมกับครอบครัว และที่สำคัญควรเลือกซื้อรุ่นที่ประหยัดพลังงาน เพราะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 10-20% เลยทีเดียว
นอกจากจะเป็นวิธีที่สามารถทำตามได้ง่ายแล้ว ยังได้ผลดีอีกด้วย เอาเป็นว่าใครที่สะดวกใช้วิธีประหยัดไฟฟ้าแบบไหนก็ลองเอาไปทำตามกันดู และที่สำคัญ ห้ามประหยัดจนเกินไป หรือประหยัดจนไม่สามารถสร้างความสุขสบายให้ตัวเอง ควรเน้นที่การประหยัดไฟฟ้าด้วยวิธีที่ใช้แต่อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ และปิดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ รวมทั้งการฝึกนิสัยในการปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ หรือการปิดไฟทุกครั้งที่ไม่ใช้งานจะดีกว่า!
ติดตาม Daywork ได้ที่ช่องทาง
Facebook : www.facebook.com/daywork.th
Website : www.daywork.co
Linkedin : www.linkedin.com/company/daywork-thailand
Blockdit : www.blockdit.com/dayworkthailand